พระปิดตามหาอุตม์หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม พิมพ์สามเกลอ ก้นมียันต์ พิมพ์นิยม เนื้อเมฆพัตร สภาพผิวเดิมๆ (สุดยอดของความหายาก)

"หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก" ท่านได้สร้างและปลุกเสกเอาไว้ ในยุคแรกๆ ประมาณ ปีพ.ศ.2460 ต้นๆ ปัจจุบันจัดเป็นพระปิดตายอดนิยมของ จ.นครปฐม อีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยม และมีการเช่าหากันเป็นสากล ราคาขององค์พระก็ขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆตามค่าความนิยม ในพิมพ์มาตรฐาน ส่วนสาเหตุที่ทำให้พระปิดตามหาอุตม์ ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ก็เพราะว่า เป็นพระปิดตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณ ทางด้านมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นเลิศครับ รวมถึงความหายาก ไม่ค่อยมีใครยอมออกตัว และยังเป็นพระปิดตา ที่มีพิมพ์ทรงสวยงามแปลกตา อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก

ปัจจุบันของแท้ๆเริ่มที่จะหาดูได้ยากขึ้น เหตุเพราะว่าจำนวนการสร้างนั้นน้อยมาก และที่สำคัญพระที่มีสภาพสวยสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะโดนเก็บเข้ารังไปหมดแล้ว อีกประการหนึ่งในสมัยนั้น การนำพระเครื่องติดตัว ส่วนมากแล้วมักจะแขวนกันแบบเพียวๆ ใช้ถักเชือกบ้าง ใช้ลวดถักบ้าง ทำให้พระที่พบเห็นส่วนใหญ่ จึงชำรุดแตกหักเสียสภาพไปบ้าง และก็มีบางส่วนที่สูญหายไป

พระองค์ที่ลงให้ชมอยู่นี้ สภาพผิวขององค์พระยังอยู่ในสภาพเดิมๆ ตามซอกส่วนต่างๆขององค์พระ ยังมีคราบเบ้าดิน ฝังเกาะติดอยู่เดิมๆทั่วทั้งองค์พระ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และยิ่งถ้าใช้กล้องส่องดู จะเห็นรอยย่นคล้ายหนังช้าง ตามซอกองค์พระได้ชัดเจน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ของพระปิดตาพิมพ์นี้ ดูโดยรวมแล้วซึ้งตามากๆครับ

วัดพะเนียงแตก ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม สร้างขึ้นมาราวประมาณปี พ.ศ. 2334 เดิมชื่อ “วัดปทุมคงคา” ชื่อนี้เข้าใจว่าหลวงพ่อทาเป็นผู้ตั้งชื่อ เพราะอุโบสถหลังเก่าหลวงพ่อทาเป็นผู้สร้าง

ประวัติโดยย่อ แต่เดิมไม่ใช่ชื่อ "วัดพะเนียงแตก" สาเหตุมาจากที่ หลวงพ่อทา ท่านชอบเล่นพลุไฟพะเนียง วันหนึ่งในงานเทศกาลประจำปีของวัด ท่านได้เอามือไปปิดปากพลุ ไม่ให้พลุออกมาทางปาก จึงเกิดระเบิดออกทางด้านข้าง แต่ท่านก็ไม่ได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บใดๆ เลย ที่ท่านทำเช่นนี้ เพราะท่านต้องการให้พวกนักเลงหัวไม้เกรงขาม จะได้ปกครองและอบรมให้เป็นคนดีได้ ซึ่งก็เป็นไปตามหวัง เพราะในงานเทศกาลประจำปีของวัด ไม่เคยต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นสักครั้งเดียว จนชาวบ้านได้ให้ฉายาว่า "หลวงพ่อพะเนียงแตก" และได้เรียกชื่อวัดว่า "วัดพะเนียงแตก" มาตั้งแต่บัดนั้น จวบจนปัจจุบัน (ข้อมูลที่นำมาลงนี้ เป็นการชี้แนะเบื้องต้น หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)